วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องแปลก




เรื่องแปลก




ลูกไก่ แปลกประหลาด เกิดมามี 4 ขา









วันนี้(28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 1 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ พบลูกไก่ประหลาด มีขา 4 ขา โดยขาคู่หน้าเป็นปกติ ส่วน 2 ขาหลังโผล่ออกมาจากช่วงก้น ที่ขาหลังซ้าย มี 3 นิ้ว ส่วนขาหลังขวา มี 2 นิ้ว และมีกรงเล็บทั้งสองข้าง สอบถาม นางหลงน๊ะ อุปมา อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของลูกไก่ เล่าว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่ไก่พื้นบ้านของตนที่เลี้ยงไว้ฟักไข่ออกมา มีประมาณ 4-5 ตัว ซึ่งในตอนแรก ตนก็ยังไม่เห็นตัวที่มีสี่ขา จนกระทั่งตนเอาข้าวไปหว่านให้ลูกไก่กิน พบว่า มีลูกไก่ตัวหนึ่ง ติดอวนอยู่ในพงหญ้า จึงช่วยมันออกมา ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า ขาที่ติดอยู่เป็นขาอีก2 ขา จึงแยกออกมาไว้ในตะกร้านางหลงน๊ะ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เกิดเห็นไก่มีสี่ขามาก่อน เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต จึงแยกเลี้ยงไว้ต่างหาก และหาอาหารเสริมมาให้กินหวังเลี้ยงให้มันโต และจะไม่กินเป็นอาหาร แต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ได้สักกี่วัน เพราะไม่ยอมกินอาหาร ขณะที่ชาวบ้านทราบข่าวก็แห่กันมาดูกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน แต่ยังไม่มีใครใบ้หวยเพราะเป็นมุสลิม อย่างไรก็ตาม ก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งเชื่อว่า ไก่ที่ออกมานี้ถือเป็นโชคดีและเลขก็ตรงกับบ้านเลขที่ คือไก่มี 4 ขา บ้านเลขที่ 44 ด้วย







งูจิ๋ว 2 หัว







ซึ่งพบชาวบ้านหลายสิบคนกำลังแห่มาดู งูประหลาดสองหัวขนาดจิ๋ว ที่ลักษณะของลำตัวมีสีดำ ตัดด้วยลายขวางสีเงิน มีความยาวทั้งตัวขนาด 6 นิ้ว โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าว ทยอยมาขอดูงูสองหัวประหลาดจำนวนมากตลอดทั้งวันทั้งนี้ จากการสอบถาม นางยุพิน คงประสม อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นผู้พบเห็นงูสองหัวคนแรก กล่าวว่า ในขณะที่ตนเองกำลังจะเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำก็พบเห็นงูตัวดังกล่าว นอนขดอยู่บริเวณพื้นกลางห้อง ซึ่งพื้นห้องน้ำ เป็นพื้นกระเบื้องที่มีความเย็น จึงได้ตระโกนเรียกให้ลูกสาวนำแก้วน้ำ เพื่อมาจับงูสองหัวตัวนี้เก็บไว้ โดยชาวบ้านเรียกงูชนิดนี้ว่า งูปล้องเงิน แต่มีความประหลาดที่มีขนาดเล็กกว่างูปล้องเงินทั่วไปและมีสองหัว ซึ่ง นางยุพิน เชื่อว่างูตัวนี้จะนำโชคลาภมาให้ ตนเองและครอบครัว จึงจะเก็บรักษางูตัวนี้ไว้เพื่อบูชาอย่างดี และจะไม่ยอมยกให้ใครเพราะถือว่างูต้องการมาอยู่กับตนเอง ส่วนชาวบ้านที่แห่มาขอดูงูประหลาดนั้น นางยุพิน ยินดีและไม่ขัดข้องที่จะนำงูออกมาโชว์ให้ดู เพราะถือเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล และ ใครจะนำไปตีเป็นเลขเด็ดตัวใดนั้น ทางนางยุพินก็ไม่สอบถาม เพราะถือว่าเป็นโชคของใครก็ของคนนั้น






หมูตกลูก แปลกประหลาด คล้ายช้าง




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 วันนี้ (29 ส.ค.) นายอ่อนสี โคตรพรหม อายุ 38 ปี อยู่ที่ 31 หมู่.4 บ้านดอนชาด ต.ชะโนดน้อย อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เจ้าของหมูแปลกประหลาด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เลี้ยงหมูพันธุ์เหมยซานผสมพันธุ์พื้นบ้านจำนวน 4 ตัว มีเพศผู้ 3 ตัว และเพศเมีย 1 ตัว อยู่ในคอกหลังบ้านดังกล่าว กระทั่งเมื่อตอนเช้า หมูเพศเมียที่ตั้งท้องได้ตกลูกมาจำนวน 5 ตัว เป็นเพศเมีย 3 ตัว เพศผู้ 2 ตัว แต่ตัวสุดท้ายเพศเมียอวัยวะภายนอกปกติทุกอย่าง แต่มีลักษณะผิดปกติแปลกประหลาดตรงบริเวณปากมีลักษณะไม่มีปาก แต่มีเนื้อยื่นยาวเหมือนงวงช้างออกมาได้ประมาณ 10 กว่านาทีก็ตาย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นของแปลกจึงได้นำมาแช่เย็นเอาไว้ดูขณะที่ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียง เมื่อได้ทราบข่าวต่างพากันมาขอดูและจุดธูปขอโชคลาภตามความเชื่อแปลกจริงหนอ



โรคประหลาด เลือดท่วมตัว





ทวิงเคิล ดวีเทวี เป็นเด็กหญิงชาวอินเดีย จากรัฐอันตรประเทศ อายุ 13 ปี ซึ่งเด็กๆ วัยนี้น่าจะเป็นวัยที่มีแต่ความสดใสร่าเริง แต่ชีวิตของทวิงเคิล ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอเป็นโรคแปลกประหลาดที่ยังรักษาไม่หาย อาการของโรคทำให้เลือดท่วมร่างของเด็กหญิงอยู่ตลอดเวลา ภาพที่เลือด ไหลออกจากหลายๆ ส่วนร่างกาย ทำให้เด็กหญิงไม่มีเพื่อนคบหา ถูกโรงเรียนไล่ออก เพื่อนบ้านหวาดกลัว พร้อมกับกล่าวหาว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะถูกสาปแช่ง นางนันดนี ดวีเทวี แม่ของทวิงเคิลกล่าวว่า "เราไม่ใช่พวกที่งมงาย แต่เมื่อหมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หาย ฉันก็พาลูกไปทุกๆ ที่ เผื่อว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ ไม่ว่าจะเป็นวัด สุเหร่า โบสถ์ แต่ทุกที่ก็รักษาอาการเลือดท่วมของลูกสาวฉันไม่ได้ ลูกยังมีอาการอ่อนเพลียเพราะเลือดออกมากเกินไป ทั้งยังรู้สึกสิ้นหวังและเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น ฉันอยากให้ลูกได้ไปโรงเรียนเหมือนเดิม" เลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดที่มีความข้นน้อยมาก มันเหมือนกับไวน์แดงไหลออกมาจากตา จมูก ตีนผม คอ ฝ่าเท้า บางครั้งอาการแย่มากถึงขนาดเด็กหญิงตื่นขึ้นมากลางดึก และพบว่า ทั้งร่างกายมีเลือดแห้งกรัง "ถ้าเลือดออกที่ศีรษะ หนูจะรู้สึกว่าหัวหนูหนักมาก ถ้าเลือดออกที่ตา ตาก็จะแสบไปหมด เวลาอาบน้ำล้างตัวยังรู้สึกเจ็บด้วย" ทวิงเคิลกล่าว อาการนี้มีขึ้นเมื่อเด็กหญิงอายุ 12 ปี จู่ๆ ก็มีเลือดออกวันละ 5-20 นาที ดูน่ากลัวมาก กระโปรงนักเรียนเต็มไปด้วยเลือดสีแดง ไม่มีใครเข้าใกล้และเล่นด้วย เด็กหญิงร้องไห้ทุกครั้งที่เลือดออก จากนั้นโรงเรียนไม่รับเธอเข้าเรียนจนต้องเรียนที่บ้านแทน แพทย์จากสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดีย เชื่อว่า ทวิงเคิลเป็นโรคความผิดปกติของเกล็ดเลือด "Type 2 Platelet Disorder" ที่พบยากมาก ยังไม่มีทางรักษาหาย เพราะยังหาทางทำให้เลือดข้นกว่านี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ดรูว์ โพรวาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา จากโรงพยาบาลบาร์ตส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีความเห็นว่า ทวิงเคิล อาจไม่ได้เป็นโรค "Type 2 Platelet Disorder" แต่อาจเป็นโรค "วอน วิลแบรนด์ (von Willebrand)" และควรพบแพทย์เพื่อเข้าเครื่องวิเคราะห์การแข็งตัวของเลือด โดยเชื่อว่า อาการของทวิงเคิลไม่เกี่ยวกับอนุภาคที่ทำให้เลือดแข็งตัว แต่เกี่ยวกับระดับของ "วอน วิลแบรนด์ แฟคเตอร์ (vWF)"




ตะลึง!! มนุษย์ต้นไม้


ที่ประเทศอินโนีเซีย มีชายที่เป็นโรคหูดตามร่างกาย จนได้รับฉายาว่า มนุษย์ต้นไม้ โดยล่าสุด มนุษย์ต้นไม้ คนนี้ก็ถูกทางการของ อินโดนีเซีย ห้ามไม่ให้ไปรักษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เอเอฟพีรายงานวันที่ 20 พ.ย. ว่า ทางการอินโดนีเซียจะไม่อนุญาตให้นายเดเด ชาวบ้านวัย 32 ปี ที่เป็นโรคหูดขนาดยักษ์ตามตัวโดยเฉพาะที่แขนสองข้าง จนมีฉายาว่า "มนุษย์ต้นไม้" เดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา หลังจากมีรายการทางช่องดิสคัฟเวอรี่นำเรื่องราวไปออกอากาศในเดือนนี้จนเป็นที่สนใจไปทั่ว ลิลี่ ศรีวาห์ยุนี สุลิสตีโยวาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะไม่ให้แพทย์สหรัฐนำตัวนายเดเดไปอเมริกาเพราะนายเดเดไม่ต้องการ โดยเฉพาะการให้ตัวอย่างเลือดกับชาวต่างชาติไปตรวจสอบ ก่อนหน้านี้ แอนโธนี่ แกสปารี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ มาตรวจร่างกายนายเดเด เพื่อประกอบการทำสารคดีของดิสคัฟเวอรี่ วินิจฉัยเบื้องต้นว่า การเติบโตของหูดในลักษณะนี้มาจากการผสมผสานระหว่างไวรัสพาพิลโลมาที่ทำให้เกิดหูดบวกกับความผิดปกติของยีน ทำให้ภูมิคุ้มกันของคนไข้อ่อนแอเกินไปที่จะต่อสู้ได้ นายแพทย์แกสปารี กล่าวว่า ผิดหวังที่ทางการอินโดนีเซียตัดสินใจเช่นนั้น แต่ตนก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรักษานายเดเด ตนจะส่งยาไปให้แพทย์อินโดนีเซียในพื้นที่รักษาให้




อุตรดิตถ์ตื่น จิ้งเหลน 2 หาง







ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 5 บ้านหนองกลาย ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ของนางขาว ศรีวิจิตร อายุ 81 ปี ประชาชนได้เดินทางมาดู จิ้งเหลนภูเขาอินเดีย หรือ "จิ้งเหลนไฟ"ที่มี 2 หาง โดยหางด้านซ้ายยาว 4 นิ้ว ส่วนหางด้านขวายาว 3.5 นิ้ว มีลักษณะเป็นหางที่งอกเพิ่มขึ้นมา ปลายหางมีรอยหัก นางขาว กล่าวว่า ด.ช.ดนัย ดีเพ็ง หลานชาย ได้พบจิ้งเหลนไฟตกอยู่ในกะละมังซักผ้า และสังเกตว่าจิ้งเหลนตัวนี้มี 2 หาง จึงจับไว้ ทั้งนี้ ตนไม่เคยพบเห็นมีจิ้งเหลน 2 หางก่อน เชื่อว่าเป็นจิ้งเหลนให้โชค ให้ลาภ และให้คุณ จึงสั่งให้หลานหาแมลงเม่า เพี้ย และแมลงอ่อนตัวเล็กมาให้กิน นอกจากนี้ ยังเตรียมทำกล่องพลาสติกใสเพื่อให้จิ้งเหลนอาศัย ขณะนี้ชาวบ้านใกล้เคียงและจากที่อื่นเมื่อทราบข่าวก็แวะมาขอดู เพื่อนำไปตีเป็นเลขเด็ด



30 ปี ศพไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก





ศพ 30 ปีไม่เน่า เชื่อเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง โดยวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัด และต้องตกตะลึงจนเป็น ข่าว เมื่อพบศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยทั้งที่ฝังไม่ต่ำกว่า 30 ปี ชาวบ้านเชื่อศพเด็กเป็น ลูกกรอก หรือ กุมารทอง ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้ากุมารทอง หรือว่า ลูกกรอก เป็นเรื่องที่ชาวบ้านยึดมั่นประเภท หากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่กันเลยทีเดียว จากประวัติและตำนานมีพูดกันมากมาย แต่ล่าสุดที่วัดสะแก ต.ในเมือง อ.เมือง จ. นครราชสีมา กลับมีความฮือฮาว่าได้พบ "ลูกกรอก"วันก่อน มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับศพไร้ญาติที่ถูกฝังไว้ในวัดสะแก จำนวน 14 ศพ หลังจากขุดออกมาเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศล 3 วันก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ต่อไปโดยในจำนวนศพทั้งหมดหลังจากขุดออกมา ชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญจำนวนมากต่างตกตะลึงหลังพบว่า ศพเด็กจำนวน 3 ศพและศพผู้ใหญ่อีก 1 ศพกลับไม่เน่าเปื่อยผิวหนังแห้งติดกับกระดูก ชาวบ้านที่มามุงดูต่างอ้างว่าศพเด็กดังกล่าวเป็นลูกกรอก ส่วนศพหญิงสาวเป็นนางฟ้า ประชาชนที่มามุงดูต่างก็ร่วมทำบุญด้วยการซื้อเสื้อผ้าและน้ำหอมเครื่องแต่งตัวมาตกแต่งให้กับศพดังกล่าวด้วยที่สำคัญบางคนก็นำธูปเทียนมากราบไหว้ เพื่อขอพรตามความเชื่อ รวมทั้งบางรายยังได้อธิษฐานขอพรให้ฝันได้เลขหวยเด็ดๆ อีกด้วย สำหรับศพเด็กที่เป็นลูกกรอกดังกล่าว ประกอบด้วย ด.ญ.สุกัญญา ชลงาม อายุประมาณ 10 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2518, ด.ช.ปีนัง ไม่ทราบนามสกุล อายุ ประมาณ 6 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2517 และ ด.ช.สมเกียรติ ขอฝากกลาง อายุประมาณ 4 ขวบ ถูกฝังไว้ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 2512นอกจากนี้ยังมี น.ส.เล็ก ศรีวิชัย อายุประมาณ 20-25 ปี ถูกฝังตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.2518 ทั้งนี้แต่ละศพถูกฝังไว้ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ในขณะที่ชาวบ้านแห่เข้ามาดูและกราบไหว้อย่างไม่ขาดสาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น